Monday, October 11, 2010

ชนิดของปลวก

ปลวก (Termites) แมลงที่ว่าร้ายนัก ในประเทศไทยปลวกเป็นแมลงที่นับว่าเป็นศัตรูสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการเกษตร ป่าไม้ เช่น การทำลายต้นไม้ ที่ยังไม่ตัดโค่นและที่โค่นแล้ว ทำความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือน สิ่งก่อสร้าง เครื่องเรือน วัสดุต่างๆ ที่ทำด้วยไม้และฝ้าย เป็นต้น
จากผลการสำรวจความเสียหายดังกล่าวข้างต้น ประมาณได้ว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้านบาทต่อปี นับ ว่าปลวกเป็นแมลงที่ทำลายเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่ง จึงควรทำความรู้จักถึงชนิดและความเป็นอยู่ของปลวก เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการป้องกันกำจัดต่อไป ปลวกเป็นแมลงที่มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า เทอร์ไมต์ (Termite) หรือบางทีเรียกว่ามดสีขาว (White ant)จัดเป็นแมลงในอันดับไอสอปเทอรา (Order Isoptera) ในอันดับนี้มีปลวกวงศ์ใหญ่อยู่ 3 วงศ์ คือ วงศ์ Kalotermitidae วงศ์ Termitidae และวงศ์ Rhinotermitidae ซึ่งมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ในโลกใบนี้เราพบปลวกประมาณ 2,000 ชนิด เฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประมาณ 270 ชนิด พบในประเทศไทยประมาณ 90 ชนิด ปลวกที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในประเทศมีเพียง 11 ชนิด
สำหรับพวกที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสิ่งก่อสร้างและส่วนประกอบของอาคารบ้านเรือนที่ทำด้วยวัสดุไม้คือ

1. ปลวกไม้แห้ง (Drywood termites) เป็น ปลวกที่สามารถดำรงชีวิตได้ในเนื้อไม้ที่แห้งสนิท เมื่อปลวกกัดกินเนื้อไม้จะทิ้งมูลมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ คล้ายเมล็ดฝิ่นออกจากรูที่มีขนาดเล็กในประเทศไทยพบชนิดสำคัญ 2 ชนิด คือ Cryptotermes thailandis และCryptotermes domesticus ซึ่งทำลายวัสดุที่ทำด้วยไม้ในอาคารบ้านเรือน

2. ปลวกใต้ดิน (Subterranean termites) เป็นปลวกที่อาศัยอยู่ใต้ดินเกือบตลอดอายุของมันและนับเป็นประเภทที่เป็นภัยร้ายแรงต่ออาคาร และสิ่งก่อสร้าง เพราะความเสียหายที่เกิดจากปลวกพวกนี้มีถึง 95% ชนิดที่สำคัญ 2 ชนิด คือ Coptotermes gestroi และ Globitermes sulphureus ปลวกจะขึ้นมาหาอาหารโดยการทำท่อทางเดินหรืออุโมงค์ด้วยดินเพื่อใช้เป็นทางเดินไปยังแหล่งอาหาร เช่น ตามผิวไม้ คอนกรีต สิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ตามรอยแตกหรือช่องระหว่างพื้นบ้านกับพื้นดิน ถ้าระยะไม่ห่างเกินไปปลวกจะสร้างท่อทางเดินข้ามไปได้ ในเนื้อไม้ที่ปลวกใต้ดินเจาะทำลายภายในแล้ว จะเหลือส่วนนอกไว้เป็นแผ่นบางๆ ตอนในที่กลวงมันจะใช้ดินอุดตามช่องว่างไว้ไม่ให้ผิวไม้ยุบ

ปลวกอาศัยอยู่รวมกันเป็นสังคม ในแต่ละสังคมแบ่งออกได้เป็น 3 แบบ ตามรูปร่างและหน้าที่การทำงาน คือ ปลวกแม่รังและพ่อรัง (ปลวกราชินี-ราชา หรือปลวกตัวเมียและตัวผู้) ปลวกทหารและปลวกกรรมกร

ปลวกตัวเมียและตัวผู้ คือปลวกที่มีปีกบินได้ เราเรียกว่า แมลงเม่าซึ่งจะออกมาบินเล่นไฟในช่วงก่อนฝนตก มีหน้าที่กระจายพันธุ์และจัดตั้งสังคมหรือรังใหม่ เมื่อแมลงเม่าผสมพันธุ์กันแล้วสลัดปีกหลุดจะมุดตัวลงในดินเพื่อวางไข่และสร้างรังต่อไป ปลวก ตัวเมียจะพัฒนาตัวเองเป็นปลวกแม่รัง ทำหน้าที่ผสมพันธุ์และวางไข่เพียงอย่างเดียวปลวกคู่แรกที่ทำหน้าที่เป็น ราชินีและราชาของรังบางตัวมีอายุได้นานเกือบ 25 ปี และวางไข่ได้มากถึงวันละ 30,000 ฟอง ความสามารถในการวางไข่จะขึ้นอยู่กับจำนวนปลวกกรรมกร

ในขณะที่ไข่เจริญเป็นตัวอ่อนและตัวแก่ภายในระยะ 30-50 วันนั้นปลวก ราชินีจะเป็นตัวควบคุมตัวอ่อนให้พัฒนาบทบาทเป็นแบบต่างๆ คือ เป็นตัวผู้-ตัวเมีย เป็นปลวกกรรมกร หรือทหารปลวกกรรมกร มีปริมาณมากที่สุดกว่า 90% นั้น ลักษณะไม่มีปีก ส่วนปากมีขากรรไกรแบบฟันเลื่อยเหมาะสำหรับตัดไม้ เจาะไม้ สิ่งก่อสร้างต่างๆ มีหน้าที่สร้างซ่อมแซมรัง หาอาหารเลี้ยงดู ปลวก อื่นๆ ปลวกกรรมกรเป็นหมัน ผสมพันธุ์และสืบพันธุ์ไม่ได้ ปลวกทหาร ซึ่งมีจำนวนน้อยมากสังเกตเห็นลักษณะที่แตกต่างจากปลวกกรรมกร คือ มีหัวโตผิดปกติ ไม่มีตาที่มองเห็นได้ ส่วนของปากมีขากรรไกรขนาดใหญ่รูปลักษณะคล้ายคีมหรือดาบ เหมาะสำหรับใช้ในการต่อสู้แต่ไม่สามารถใช้ตัดหรือเจาะได้จึงมีหน้าที่ต่อสู้ เพื่อป้องกันอันตรายให้ปลวกภายในรัง โดยเฉพาะศัตรูสำคัญ คือ มด เมื่อศัตรูทำลายทางเดินหรือรัง มันจะเอาส่วนหัว ที่โตอุดช่องโหว่หรือขับไล่ศัตรูจนกว่าจนกว่าปลวกกรรมกรจะทำการซ่อมรังเรียบ ร้อยปลวกทหารบางชนิดสามารถกลั่นของเหลวที่มีพิษเป็นกรดเหนียวๆ ออกจากส่วนหัวของมัน เมื่อมดมาถูกจะเหนียวติดและหมดกำลัง นอก จากนี้กรดที่ปลวกทหารกลั่นออกมายังใช้ในการเจาะโลหะและหินปูนได้ดีอีกด้วย จึงเห็นได้ว่า ปลวกจะแบ่งแยกหน้าที่กันอย่างชัดเจนในลักษณะแมลงสังคมชนิดหนึ่ง

ปลวกมีการแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว ปลวกตัวผู้และตัวเมียในรัง ที่มีอายุ 3 ปี จะกระจายพันธุ์ไปนอกรังเพื่อจัดตั้งรังใหม่ปีละ 1-2 ครั้ง ระหว่างต้นฤดูฝนหลังฝนตกใหม่ๆโดยบินจากรังเก่าในลักษณะแมลงเม่า ผสมพันธุ์แล้วสลัดปีกมุดลงดินเพื่อสร้างรังใหม่ วน เวียนกันเช่นนี้ ดังนั้นปลวกจึงมีจำนวนมากมายและเป็นปัญหาใหญ่ยากที่จะกำจัดให้หมดไปได้โดย ง่าย วิธีการที่ทำได้คือการป้องกันไม่ให้ปลวกก่อความเสียหายแก่ทรัพย์สินต่างๆ เท่านั้น อาหารหลักของปลวก คือ เซลลูโลสที่ได้จากเนื้อไม้ การกัดทำลายสิ่งของที่มี เซลลูโลสเป็นส่วนประกอบก็เพื่อนำมาใช้เป็นอาหารและที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ซากปลวกหรือวัตถุเหลวๆ ตามตัวปลวกยังใช้กินเป็นอาหารได้ นิสัยของปลวกใช้การสื่อสารโดยสัมผัสกันตลอดเวลาจึงเป็นช่องทางหนึ่งในการ กำจัดปลวก หากปลวกได้สัมผัสสารพิษที่ใช้กำจัด จะถ่ายทอดสารพิษติดต่อถึงกันโดยง่ายและจะทำให้ปลวกตายทั้งหมดได้

No comments: